
7 วิธีฟื้นไฟให้ตัวเองเมื่อเริ่มหมดแรงกลางปี | Good Money
หมดไฟกลางปี ทำไมพนักงานไทยหมดแรงช่วง Q2–Q3 และวิธีรับมืออย่างมืออาชีพ
ทำไมช่วงกลางปีถึงเป็นจุดพีคของอาการ “หมดไฟในการทำงาน”?
เมื่อเข้าสู่เดือน มิถุนายน – กรกฎาคม หลายคนเริ่มรู้สึกเหนื่อยล้า เบื่อหน่ายกับงาน หรือแม้แต่สงสัยว่า “ยังอยากทำงานนี้อยู่ไหม?” นั่นอาจเป็นสัญญาณของ Burnout (อาการหมดไฟในการทำงาน) ที่พบได้บ่อยในช่วงกลางปี โดยเฉพาะในกลุ่มมนุษย์เงินเดือนหรือพนักงานออฟฟิศ
อาการ Burnout ไม่ได้เป็นแค่เรื่องของ “ความขี้เกียจ” แต่เป็นความเหนื่อยล้าทางใจที่สะสมมาตั้งแต่ต้นปี และหากปล่อยไว้นานอาจกระทบกับสุขภาพจิต ประสิทธิภาพการทำงาน รวมถึงสภาพการเงินโดยรวม
สาเหตุที่ทำให้ “หมดไฟกลางปี”
เพราะเราวิ่งมาเต็มสปีดตั้งแต่ต้นปี
แม้จะผ่าน Q1-Q2 มาแล้ว แต่หลายคนกลับไม่รู้สึกถึงความสำเร็จที่ชัดเจน ทำให้เกิดคำถามกับตัวเองมากขึ้นว่า “ที่ทำมาทั้งหมด…คุ้มไหม?”
✅ ทำงานต่อเนื่องแบบไม่มีวันหยุดยาว
ตั้งแต่สงกรานต์ หลายคนแทบไม่ได้พักยาวเลย ความล้าทางร่างกายจึงสะสมโดยไม่รู้ตัว
✅ KPI กดดันมากขึ้น
องค์กรจำนวนมากประเมินผลงานแบบครึ่งปี ทำให้ช่วง Q2 กลายเป็นช่วงเร่งปิดยอด เร่งแผนงาน แต่กำลังใจกลับน้อยลง
✅ สภาพอากาศส่งผลต่ออารมณ์
หน้าฝน ร้อนชื้น หรือฝนตกทุกวัน ทำให้หลายคนรู้สึกเฉื่อย เหนื่อยง่าย และไม่มีพลังใจ
✅ ยังไม่เห็นผลลัพธ์ที่จับต้องได้
เมื่อทำงานหนักแต่ยังไม่มี “ชัยชนะเล็ก ๆ” ให้ฉลอง ความรู้สึกหมดแรงจึงยิ่งชัดเจน
ข้อมูลจากองค์กร: Burnout สูงสุดช่วง Q2–Q3
📊 จากการเก็บข้อมูลของหลายองค์กร พบว่า พนักงานมีคะแนน Burnout สูงสุดในไตรมาสที่ 2 ถึง 3
เนื่องจากความกดดันจากเป้าหมาย ผลลัพธ์ยังไม่ชัดเจน และวันหยุดที่น้อย
อย่างไรก็ตาม ช่วงปลายปี (Q4) พนักงานจะเริ่มฟื้นตัว ทั้งจากการได้ลาพักร้อน มีโบนัส หรือเริ่มวางเป้าหมายใหม่ จึงเป็นโอกาสสำคัญที่เราควรใส่ใจตัวเองตั้งแต่ตอนนี้
มาดู 7 วิธีรับมือกับอาการหมดไฟ (Burnout) อย่างมืออาชีพ
✅ 1. ลาพักร้อนสั้น ๆ เพื่อรีชาร์จ
คุณไม่จำเป็นต้องลาหลายวัน แค่ 2-3 วันแบบ “หยุดจริง ๆ” ไม่แตะงาน ก็เพียงพอให้ร่างกายและใจได้พัก แค่ ไม่กี่วันก็ช่วยได้
✅ 2. ลองเปลี่ยนบรรยากาศหรือเปลี่ยนที่ทำงานสักวัน
ลองไปทำงานที่คาเฟ่ ห้องสมุด หรือ coworking space เปลี่ยนบรรยากาศ หรือมุมใหม่ ๆ ในบ้าน หาของน่ารักๆหรือให้แรงบันดาลใจมาตั้งที่โต๊ะทำงาน ก็ช่วยให้ไอเดียกลับมาได้อย่างไม่น่าเชื่อ !
✅ 3. แบ่งเป้าใหญ่ให้เล็กลง
เป้าหมายใหญ่ทำให้ท้อ แบ่งให้เล็กลงจะรู้สึกสำเร็จเร็วขึ้น ✨
เป้าหมายที่ใหญ่เกินไปทำให้รู้สึกไม่สำเร็จสักที ลองปรับแผนให้ย่อยเป็น “ชัยชนะเล็ก ๆ” รายสัปดาห์ เพื่อเพิ่มพลังใจ
✅ 4. จัด “วันอยู่กับตัวเอง”
ทำสิ่งที่ชอบโดยไม่รู้สึกผิด เช่น อ่านหนังสือ ดูซีรีส์ เดินเล่น
✅ 5. หาเวลาอยู่กับคนที่ทำให้รู้สึกดี
เพื่อนดี ๆ ครอบครัว หรือแม้แต่สัตว์เลี้ยง ก็ช่วยเติมพลังใจได้
✅ 6. เขียนบันทึกความรู้สึก
เขียนออกมาแล้วจะมองเห็นปัญหา & ทางออกชัดขึ้นมากกว่าที่คิด
✅ 7. ปรึกษาหัวหน้าหรือทีม
ถ้า workload หนักเกินไป อย่าฝืน คุยกันตรง ๆ เพื่อหาทางบาลานซ์
สรุป: พักให้เป็น วางแผนให้ไหว แล้วไฟจะกลับมาอีกครั้ง
อาการหมดไฟไม่ใช่เรื่องผิด และไม่ใช่ความล้มเหลว มันคือ “สัญญาณเตือน” ว่าคุณควรใส่ใจตัวเองมากขึ้น ทั้งในเรื่องงาน สุขภาพ และการเงิน
ลองใช้ช่วงกลางปีนี้รีเซ็ตพลัง เติมแรงบันดาลใจ และดูแลสภาพคล่องของชีวิตไปพร้อม ๆ กัน
เพราะคุณมีสิทธิ์จะ “เหนื่อย” แต่ไม่จำเป็นต้อง “หมดไฟ” ตลอดไป
ฟื้นพลังใจ พร้อมวางแผนการเงินไปด้วยกับ Goodmoney
ในช่วงที่คุณกำลังชาร์จพลังใจ อย่าลืมตรวจสอบสภาพการเงินของตัวเองด้วย
เพราะ ความเครียดเรื่องเงิน มักเป็นสาเหตุร่วมของอาการหมดไฟที่หลายคนมองข้าม
หากคุณมีเป้าหมายที่ชัดเจน เช่น
- อยากเริ่มต้นธุรกิจเล็ก ๆ
- อยากเคลียร์ภาระหนี้ดอกเบี้ยสูง
- อยากมีเงินสำรองไว้ในช่วงที่รู้สึกไม่มั่นคง
สินเชื่อถูกกฎหมายจาก Goodmoney โดยบริษัทในเครือธนาคารออมสินธนาคารออมสิน อาจเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยที่ทำให้คุณเดินต่อได้โดยไม่ฝืน
✅ วงเงินสูง
✅ ดอกเบี้ยโปร่งใส
✅ อนุมัติง่าย ใช้ ThaID ยืนยันตัวตนได้ในแอป
ดาวน์โหลดแอป Goodmoney เพื่อเริ่มต้นวางแผนทางการเงินวันนี้

🔎 แวะมาอ่านความรู้ดีดี จากกู๊ดมันนี่ ที่นี่
กู้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนไหว
“สินเชื่อส่วนบุคคล อัตราดอกเบี้ย 19%- 25% ต่อปี
สินเชื่อรายย่อยเพื่อการประกอบอาชีพ อัตราดอกเบี้ย 29%-33% ต่อปี”
แก้ไขล่าสุดวันที่
แชร์บทความนี้
บทความอื่นๆ

บัตรประชาชนมีความหมายมากกว่าที่คิด
- บริหารความเสี่ยง

คอมเมนต์อาชีพในฝัน ลุ้นรับรางวัลรวมกว่า 4,000.- บาท
- โปรโมชัน

บัตรประชาชนมีความหมายมากกว่าที่คิด
- บริหารความเสี่ยง